อุบัติเหตุ และเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ถึงแม้จะตรวจเช็กเครื่องยนต์อย่างดีแล้ว แต่บางครั้งก็อาจเจอปัญหารถดับ สตาร์ทไม่ติดได้เช่นกัน โดยปกติหากเกิดอุบัติเหตุ หรือรถเกิดเสียกลางทางจนขับต่อไม่ได้ มักต้องเรียกใช้บริการรถยก หรือรถลาก เพื่อเคลื่อนย้ายรถของคุณไปที่ศูนย์ แล้วเคยสงสัยหรือไม่ว่าระหว่างรถยก กับรถลาก มีความแตกต่างกันอย่างไร ถ้ารถเสียควรเรียกใช้บริการรถยกหรือรถลากจะดีกว่ากัน? วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
รถยก คืออะไร?
รถยก หรือรถสไลด์ จะเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่ไม่สามารถขับขี่ได้ ด้วยการยกขึ้นมาบนรถกระบะหรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ บรรทุกไปโดยไม่ต้องลาก จะลากเพียงตอนนำรถขึ้นและลงเท่านั้น
รถลาก คืออะไร?
รถลาก จะเป็นรถกระบะหรือรถบรรทุกขนาดเล็ก ที่มีตัวอุปกรณ์สำหรับลากจูงอยู่ด้านหลัง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็น เชือก สลิง และแป๊ปลาก การเคลื่อนย้ายของรถลากคือการลากไปตลอดทาง ล้อหน้า หรือล้อหลังจะสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอด
รถเสียควรใช้บริการรถยกหรือรถลาก แต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างไร?
รถยกกับรถลากมีจุดประสงค์ในการใช้งานเดียวกัน คือการเคลื่อนย้ายรถที่ไม่สามารถขับขี่ได้ แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันในหลายๆ ส่วน
ความเหมาะสมในการใช้งาน
- บริการรถยก : เหมาะกับรถที่ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อ หรือรถที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนไม่สามารถลากได้ เช่น รถที่เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรง
- บริการรถลาก : เหมาะกับรถที่ขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อ รถที่ไม่ได้รับความเสียหายภายนอก หรือรถที่ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย เช่น รถที่สตาร์ทไม่ติด
ราคา ค่าบริการ
- บริการรถยก : ค่าบริการขึ้นอยู่กับระยะทาง โดยปกติรถยกจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 1,000-3,000 บาท ซึ่งจะสูงกว่าการใช้บริการรถลาก
- บริการรถลาก : ค่าบริการขึ้นอยู่กับระยะทาง โดยปกติรถลากจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 1,000 บาทหรือต่ำกว่านั้น
ความปลอดภัยในการเคลื่อนย้าย
- บริการรถยก : จะช่วยป้องกันเครื่องยนต์ได้ดีกว่า รถยนต์ไม่เกิดการกระแทก ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย มีระบบล็อคติดอย่างแน่นหนา ถึงจะเป็นรถที่โหลดต่ำก็สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย
- บริการรถลาก : ล้อหน้าหรือล้อหลังฝั่งหนึ่งสัมผัสพื้นถนนตลอด ไม่เหมาะกับรถที่มีการโหลดต่ำ เพราะอาจจะเกิดความเสียหายต่อตัวรถได้ รวมถึงต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญในการเคลื่อนย้าย ต้องใช้ความระมัดระวังสูง
เลือกใช้บริการถยกหรือรถลาก ต้องดูจากอะไรบ้าง?
หากตักสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใช้บริการรถยก หรือรถลาก ให้พิจารณาจากสิ่งเหล่านี้
- ความเสียหายของตัวรถ : ถ้ารถเสียหายมากให้ใช้บริการรถยก แต่ถ้ารถเสียหายน้อยให้ใช้บริการรถลาก
- งบประมาณที่มีอยู่ : มีงบประมาณไม่จำกัดให้ใช้บริการรถยก แต่ถ้ามีงบไม่มากให้ใช้บริการรถลาก
- ระยะทางในการเคลื่อนย้าย : ระยะทางในการเคลื่อนย้ายไกลๆ ให้ใช้บริการรถยก แต่ถ้าระยะทางในการเคลื่อนย้ายไม่ไกลมากให้ใช้บริการรถลาก
ถึงแม้ว่ารถยกและรถลาก จะมีจุดประสงค์ในการใช้งานเหมือนกันคือการเคลื่อนย้ายรถที่ไม่สามารถขับขี่ได้ แต่ก็มีกรณีการใช้ และข้อแตกต่างกันอยู่ ดังนั้นก่อนเรียกใช้บริการรถยก หรือรถลากแนะนำให้ดูที่ความเหมาะสมจะดีกว่า สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องใช้รถบ่อยๆ ขับรถทางไกลเป็นประจำ ควรทำประกันรถยนต์ชั้น1 เพราะเป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองสูงที่สุด เพิ่มความอุ่นใจในทุกๆ การขับขี่
อยากทำประกันรถยนต์ชั้น 1 สามารถเข้าไปเลือกกรมธรรม์ที่ถูกใจได้ที่ www.rabbitcare.com เว็บไซต์ที่รวมรวมประกันรถยนต์เอาไว้แบบครบวงจร ไม่ว่าจะต้องการประกันรถยนต์แบบไหนก็มีพร้อมให้บริการ ที่สำคัญเรายังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน จะอุบัติเหตุ รถเสียก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันที